ตั้งเว็บไซต์เป็นหน้าแรก เพิ่มเข้ารายการโปรด
ลงทะเบียน ลืมรหัสผ่าน
1 2 3 4
ดู: 698|ตอบกลับ: 0

มูสิกชาดก ว่าด้วยผู้เอาธรรมบังหน้า

[คัดลอกลิงก์]

22

กระทู้

0

ตอบกลับ

148

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

UID
1
เครดิต
148
พลังน้ำใจ
0
เงิน
126
ความดี
0
เพศ
ชาย
ตอบกลับ
0
ลงทะเบียน
2024-1-10
ล่าสุด
2024-12-14
ออนไลน์
71 ชั่วโมง
จำนวนผู้ติดตาม
0
ทักทาย
0
บล็อก
0
เพื่อน
0
สำคัญ
0
ผู้ขายเครดิต
ผู้ซื้อเครดิต
ราศีเกิด
ธนู

เข็มประดับยศ 1เข็มประดับยศ 2เข็มประดับยศ 3เข็มประดับยศ 4เข็มประดับยศ 5เข็มประดับยศ 6เข็มประดับยศ 7เข็มประดับยศ 8เข็มประดับยศ 9เข็มประดับยศ 10

อายุ
11ปี

 Phang Nga, Thailand

683.jpg
มูสิกชาดก ว่าด้วยผู้เอาธรรมบังหน้า





พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

ความย่อว่า ในครั้งนั้น เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลความ ที่ภิกษุนั้นเป็นผู้หลอกลวงให้ทรงทราบแล้ว พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในปางก่อนภิกษุ นี้ก็หลอกลวงเหมือนกัน ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดหนู อาศัยความเจริญเติบโต มีร่างกายอ้วนใหญ่คล้ายกับลูกสุกรอ่อน มีหนูหลายร้อยเป็นบริวาร ท่องเที่ยวอยู่ในป่า ครั้งนั้น มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง ท่องเที่ยวไปตามประสา เห็นฝูงหนูนั้นคิดว่า เราจักลวงกินหนูเหล่านี้ แล้วแหงนหน้าจ้องดวงอาทิตย์สูดดม ยืนด้วยเท้าข้างเดียว ในที่ไม่ไกลกับที่อาศัยของฝูงหนู
พระโพธิสัตว์เที่ยวหากินเห็นมันแล้วคิดว่า หมาจิ้งจอกนี้คงเป็นผู้มีศีล จึงเดินไปสู่สำนักของมัน พลางถามว่า ท่านผู้เจริญ ท่านชื่ออะไรเล่า ?

มันตอบว่า เราชื่อธรรมิกะ
ถามว่า ท่านไม่ยืนเหนือแผ่นดิน สี่เท้า ยืนด้วยเท้าข้างเดียวเพราะเหตุไร ?
ตอบว่า เมื่อเราเหยียบ แผ่นดินสี่เท้าละก็ แผ่นดินไม่อาจทนอยู่ได้ เหตุนั้น เราต้องยืนเท้าเดียวเท่านั้น
ถามว่า ทำไมต้องยืนอ้าปากด้วยเล่า ?
ตอบว่า เราไม่กินอาหารอื่น กินลมอย่างเดียว
ถามว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงต้องจ้องมองดวงอาทิตย์ด้วยเล่า ?
ตอบว่า เรานอบน้อม พระอาทิตย์
พระโพธิสัตว์ฟังคำของมันแล้วก็มั่นใจว่า สุนัขจิ้งจอกตัวนี้คงมีศีลเป็นแน่ แต่นั้นก็ไปสู่ที่บำรุงของมันกับฝูงหนู ทั้งเวลาเย็น เวลาเช้า ครั้นในเวลาที่หนูผู้โพธิสัตว์นั้นทำการบำรุงแล้วพาฝูงกลับไป หมาจิ้งจอกก็จับเอาหนูตัวสุดท้าย กินเนื้อเสีย
ฝูงหนูบางตาลงโดยลำดับ ก็พูดกันว่า แต่เดิมพวกเราต้องเบียดเสียดกันอยู่ เดี๋ยวนี้ดูหลวม ที่อยู่อาศัยที่เคยเต็ม ก็ยังไม่เต็ม นี่มันเรื่องอะไรกัน ? แล้วพากันบอกเรื่องราวแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์คิดว่า เหตุไรเล่าหนอ พวกหนูจึงเบาบางไป ตั้งข้อสงสัยในหมาจิ้งจอก ดำริว่า ต้องสอบสวนหมาจิ้งจอกนั้น ดังนั้นในเวลาเสร็จจากการปรนนิบัติหมาจิ้งจอกในวันหนึ่ง จึงให้พวกหนูบริวารออกหน้า ตนเองอยู่หลังเพื่อน หมาจิ้งจอกก็วิ่งไปสะกัดพระโพธิสัตว์ไว้ พระโพธิสัตว์เห็นมันกอดจับตน ก็หันกลับพูดว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ การบำเพ็ญพรตของเจ้านี้ มิใช่เป็นไปเพื่อความประพฤติดีปฏิบัติชอบ แต่เจ้าประพฤติแอบอ้าง เอาธรรมเป็นธงขึ้นไว้ เพื่อเบียดเบียนสัตว์อื่น แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า
"ผู้ใดแล เทิดธรรมเป็นธงชัย ให้สัตว์
ทั้งหลายตายใจ ซ่อนตนประพฤติชั่ว ความ
ประพฤติของผู้นั้น ชื่อว่า เป็นความประพฤติ
ของแมว" ดังนี้.
พระยาหนูกล่าวพลางกระโดดขึ้นเกาะคอมันไว้ กัดที่ซอกคอ ใต้คาง ให้ถึงความสิ้นชีวิต ฝูงหนูกลับมากัดกินหมาจิ้งจอก เสียงดังมุ่มม่ำ ๆ แล้วพากันไป ได้ยินว่าหนูพวกที่มาก่อนก็ได้กินเนื้อ พวกที่มาทีหลังก็ไม่ได้ นับแต่นั้นมาพวกหนูก็หมดภัย ได้ความสุข.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า หมาจิ้งจอกในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุหลอกลวงในครั้งนี้ ส่วนพญาหนู ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ มูสิกชาดก

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ธรรมสว้สดี สมัครวันนี้เพื่อสิทธิ์ใช้งาน
ตอบกระทู้ได้
ได้เพื่อน ได้พูดคุย
ร่วมกิจกรรมสนุก
ดาวน์โหลดไฟล์
สร้างบล็อกและอัพภาพถ่าย
เรียนรู้เรื่องต่างๆ
Dear Guest, thank you to www.i-520.net

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

Powered by Discuz! X3.5 © 2001-2013 Comsenz Inc

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้